คู่มือต่อใบขับขี่ 2 ปี เป็น 5 ปี มีอะไรบ้างที่ต้องเตรียม ?

ใบขับขี่หรือใบอนุญาตขับรถ ถือเป็นเอกสารทางราชการที่ทางกรมขนส่งทางบกออกให้ เพื่อยืนยันว่าบุคคลนั้นมีคุณสมบัติในการขับขี่รถยนต์ โดยทั่วไปแล้ว ผู้ที่ได้รับใบขับขี่ครั้งแรกจะได้รับแบบชั่วคราว มีอายุ 2 ปี และเมื่อครบกำหนดสามารถยื่นขอต่ออายุเป็นแบบ 5 ปีได้ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ควรรู้ล่วงหน้า เพื่อเตรียมเอกสารและเวลาให้พร้อม โดยเฉพาะผู้ที่ไม่ต้องการให้ใบขับขี่หมดอายุหรือขาดการต่อ จนมีความเสี่ยงต่อค่าปรับหรือปัญหาทางกฎหมายตามมา

ทั้งนี้ ข้อมูลจากกรมการขนส่งทางบก ได้มีการผ่อนคลายการดำเนินการขอต่อใบขับขี่ 2 ปีเป็น 5 ปี โดยสามารถดำเนินการได้ทั้งแบบจองคิว และ Walk in ณ สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-5 และสำนักงานขนส่งทั่วประเทศ
ต่อใบขับขี่ 2 ปี เป็น 5 ปี ใช้เอกสารอะไรบ้าง ?
- บัตรประชาชนฉบับจริง ใช้แสดงตัวตนในวันยื่นคำขอต่อใบขับขี่ 2 ปีเป็น 5 ปี
- ใบขับขี่ชนิดชั่วคราว (2 ปี) ที่ยังไม่หมดอายุ หรือหมดอายุมาแล้วไม่เกิน 1 ปี
- ใบรับรองแพทย์ ที่แสดงว่าผู้ขอไม่มีโรคประจำตัวที่อาจเป็นอันตรายขณะขับรถ และไม่เป็นบุคคลวิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือน โดยใบรับรองแพทย์จะต้องออกโดยแพทย์ที่ได้รับใบอนุญาต และมีอายุไม่เกิน 1 เดือนนับจากวันยื่นคำขอ
ขั้นตอนการต่อใบขับขี่ 2 ปี เป็น 5 ปี
- จองคิวล่วงหน้า ผ่านแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue หรือเว็บไซต์กรมการขนส่งทางบก
- ยื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ และรอออกใบคำขอให้
- ทดสอบสมรรถภาพร่างกาย ซึ่งประกอบไปด้วย
- ทดสอบการมองเห็นสีที่จำเป็นในการขับรถ
- ทดสอบสายตาทางลึก
- ทดสอบสายตาทางกว้าง
- ทดสอบปฏิกิริยาเท้า (ความสามารถในการใช้เบรกเท้า)
- ถ่ายรูปพิมพ์ใบขับขี่ และชำระเงินค่าธรรมเนียม
- รถยนต์ 505 บาท
- รถจักรยานยนต์ 255 บาท
- หากมีการแก้ไขข้อมูล เพิ่มอีก 50 บาท
ตอบคำถามยอดฮิต ต่อใบขับขี่ต้องอบรมไหม ?
ในกรณีที่ใบขับขี่ชั่วคราวยังไม่หมดอายุ หรือหมดอายุมาแล้วไม่เกิน 1 ปี ไม่จำเป็นต้องอบรมหรือสอบข้อเขียนใหม่ เพียงแค่ทดสอบสมรรถภาพร่างกายเท่านั้น แต่หากขาดต่อเกิน 1 ปี จะมีขั้นตอนเพิ่มเติม เช่น ต้องสอบข้อเขียน และหากเกิน 3 ปี จะต้องสอบทั้งข้อเขียนและขับรถจริง รวมถึงเข้ารับการอบรมใหม่ด้วย
หากขาดต่อใบขับขี่จนหมดอายุ ต้องทำอย่างไร ?
ผู้ที่ปล่อยให้ใบขับขี่หมดอายุโดยไม่ต่อภายในระยะเวลาที่กำหนด จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนที่แตกต่างจากกรณีทั่วไป ดังนี้
- หมดอายุเกิน 1 ปีแต่ไม่เกิน 3 ปี ต้องสอบข้อเขียนใหม่ โดยจะต้องจองคิวเข้าทดสอบกับกรมการขนส่งทางบก และยื่นเอกสารประกอบตามปกติ พร้อมใบรับรองแพทย์ที่ยังไม่หมดอายุ
- หมดอายุเกิน 3 ปีขึ้นไป ต้องเริ่มกระบวนการใหม่ทั้งหมด ซึ่งรวมถึงการอบรม ทดสอบข้อเขียน และสอบขับรถใหม่ คล้ายกับการขอใบขับขี่ครั้งแรก
- กรณีหมดอายุเกิน 5 ปี อาจต้องยื่นคำขอใหม่ทั้งหมด พร้อมเอกสารและขั้นตอนตามที่กฎหมายกำหนด
ดังนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงกระบวนการที่ซับซ้อน ควรวางแผนต่อใบขับขี่ล่วงหน้าภายใน 90 วันก่อนวันหมดอายุ
บทลงโทษหากไม่ต่อใบขับขี่ 2 ปีเป็น 5 ปี หรือขับขี่โดยใช้ใบขับขี่หมดอายุ
การขับรถโดยใช้ใบขับขี่ที่หมดอายุถือเป็นการละเมิดกฎหมายจราจร ซึ่งมีบทลงโทษทั้งในเชิงการเงินและการบันทึกประวัติการขับขี่ โดยมีรายละเอียดต่อไปนี้
- โทษปรับสูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท
- บริษัทประกันภัยอาจปฏิเสธความคุ้มครองในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ หากพบว่าใบขับขี่ของผู้ขับขี่หมดอายุในขณะเกิดเหตุ
- การไม่มีใบขับขี่ที่ถูกต้องอาจกระทบต่อความน่าเชื่อถือในการทำธุรกรรมกับบริษัทประกันภัย หรือสถาบันการเงินที่ปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์
ใบขับขี่กับการขอสินเชื่อหรือทำธุรกรรมอื่น ๆ
ใบขับขี่ไม่ได้เป็นเพียงใบอนุญาตให้ขับรถบนท้องถนนเท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่เป็นเอกสารทางราชการที่ใช้ยืนยันตัวตนในหลาย ๆ ธุรกรรม โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ต้องมีการพิสูจน์ตัวตนอย่างเป็นทางการ เช่น การขอสินเชื่อ การเช่ารถ หรือการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันต่าง ๆ ซึ่งหากไม่ต่อใบขับขี่อย่างถูกต้อง อาจทำให้กระบวนการต่าง ๆ ติดขัดหรือถูกปฏิเสธได้ ไม่ว่าจะเป็น
- การใช้ยืนยันตัวตนในกระบวนการขอสินเชื่อและเช่าซื้อรถ เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันว่าผู้ขอสินเชื่อสามารถขับรถได้ตามกฎหมาย
- การใช้ในการสมัครงานที่เกี่ยวข้องกับการขับรถ เช่น พนักงานขับรถบริษัท คนขับรถส่งของ พนักงานโลจิสติกส์ หรือแม้แต่พนักงานขายที่ต้องเดินทางบ่อยครั้ง นายจ้างมักร้องขอใบขับขี่ฉบับจริงที่ยังไม่หมดอายุเพื่อประกอบการพิจารณา
- การใช้ในการเช่ารถทั้งในประเทศและต่างประเทศ หากใบขับขี่หมดอายุ บริษัทเช่ารถจะไม่อนุญาตให้รับรถในทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็นการจองล่วงหน้าหรือ Walk-in
- การใช้เป็นเอกสารสำรองเมื่อต้องใช้เอกสารราชการหลายรายการ เช่น การโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ การทำประกันชีวิต หรือการติดต่อราชการบางประเภท ใบขับขี่สามารถใช้แทนเอกสารยืนยันตัวตน เช่น บัตรประชาชน หรือใช้ร่วมกันเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือของข้อมูล
แล้วถ้าจะซื้อประกันภัยรถยนต์ ต้องใช้ใบขับขี่ไหม?
คำถามยอดนิยมในหมู่ผู้ซื้อประกันภัยรถยนต์คือ “จำเป็นต้องใช้ใบขับขี่ในการซื้อประกันภัยหรือไม่ ?” คำตอบคือ ใช่ ในหลายกรณี โดยเฉพาะประกันภัยชั้น 1 ซึ่งบริษัทประกันภัยมักจะขอข้อมูลใบขับขี่ของผู้เอาประกัน เพื่อพิจารณาความเสี่ยง และยืนยันว่าผู้ขับขี่มีสิทธิ์ขับรถอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
นอกจากนี้ หากเกิดอุบัติเหตุในช่วงที่ใบขับขี่หมดอายุ บริษัทประกันภัยอาจไม่สามารถให้ความคุ้มครองได้อย่างเต็มที่ ดังนั้น การมีใบขับขี่ที่ยังไม่หมดอายุจึงเป็นส่วนสำคัญในการรักษาสิทธิประโยชน์จากประกันภัย
ต่อใบขับขี่ให้ทัน พร้อมเลือกประกันภัยรถยนต์ที่เหมาะกับคุณ
การต่อใบขับขี่ 2 ปี เป็น 5 ปีเป็นขั้นตอนที่ไม่ซับซ้อน แต่จำเป็นต้องเตรียมเอกสารให้พร้อม และควรดำเนินการล่วงหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงความยุ่งยากที่อาจตามมา โดยเฉพาะกรณีที่ใบขับขี่หมดอายุนานเกินไป
ที่สำคัญ อย่าลืมตรวจสอบความพร้อมของประกันรถยนต์ทุกครั้งที่มีการต่อใบขับขี่ เพราะทั้งสองสิ่งนี้คือองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยให้คุณขับขี่ได้อย่างปลอดภัยและมั่นใจมากขึ้น
ซื้อประกันรถยนต์ออนไลน์ง่าย ๆ ได้เลยวันนี้ที่ MeeDee เราคัดแผนที่ดีที่สุดจากบริษัทประกันภัยชั้นนำ ให้คุณได้ความคุ้มครองที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ ขับขี่มั่นใจในทุกเส้นทาง
- เปรียบเทียบ ราคาเบี้ยประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1 / ชั้น 2 / ชั้น 3 ได้ทันที
- เลือกประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ผ่อนได้ ไม่มีบัตรเครดิตก็สมัครได้
- มีประกันภัยรถยนต์ทุกประเภท ทั้ง พ.ร.บ. ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ราคาถูก ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ และ ชั้น 3+
- เช็กเบี้ยประกันภัยรถยนต์ออนไลน์ ได้ฟรี ครอบคลุมทุกบริษัทชั้นนำ
สนใจสอบถามหรือติดต่อเพื่อซื้อประกันภัยรถยนต์ออนไลน์ ได้ที่ LINE: @meedeeth



พูดคุยกับที่ปรึกษามืออาชีพที่คุณไว้วางใจ
ด้วยคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญของเรา การเลือกสิ่งต่างๆ จึงไม่เคยง่ายขนาดนี้มาก่อน.
มีคำแนะนำเฉพาะสำหรับคุณ
รับคำแนะนำที่ตรงกับความต้องการและเป้าหมายเฉพาะของคุณ
ให้คำตอบที่ชัดเจนและเจาะลึก
รับคำอธิบายที่ครอบคลุมและช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่คุณไว้วางใจ
รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์สูงในวงการประกันภัย
มีคำแนะนำเฉพาะสำหรับคุณ
รับคำแนะนำที่ตรงกับความต้องการและเป้าหมายเฉพาะของคุณ
ให้คำตอบที่ชัดเจนและเจาะลึก
รับคำอธิบายที่ครอบคลุมและช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่คุณไว้วางใจ
รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์สูงในวงการประกันภัย